top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนtiewjourney

เที่ยวปักกิ่งด้วยตัวเอง 2024 ครั้งแรก ไปเที่ยวไหนดี

อัปเดตเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา




รีวิวเที่ยวปักกิ่งด้วยตัวเอง เที่ยวครั้งแรกควรไปที่ไหนดี ไปไหนได้บ้าง เดินทางยังไง พูดจีนไม่ได้จะเที่ยวได้มั้ย รีวิวปักกิ่งนี้เก็บครบหมดทั้งสวนสนุก มรดกโลก สิ่งมหัศจรรย์ ร้านเป็ดปักกิ่ง ชาบู หม่าล่า ถ้าใครอยากไปปักกิ่งตามรอยแพลนเราได้เลย

Content นี้มีอะไรบ้าง








Introduction : Beijing

ปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน ศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม เป็นมหานครที่รวมประวัติศาสตร์และความทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มีทั้งที่เที่ยวระดับโลก โบราณสถาน ธรรมชาติ ทั้งกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม หอสักการะฟ้า ฯลฯ


นอกจากจะมีที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เช่น อาคาร CCTV Tower สนามกีฬา Bird's Nest ที่สร้างตอนโอลิมปิกปี 2008 รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งอย่างย่านหวังฝูจิ่ง (Wangfujing) ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) ซานหลี่ทุน (Sanlitum) หนานลั่วกู่เซียง (Nanluoguxiang) และยังมีสวนสนุกแบรนด์ดัง Universal Studios Beijing ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนสาวก Art Toy ต้องไม่พลาด ร้าน Popmart มีอยู่หลายร้านในเมืองปักกิ่ง แต่ที่นี่มี Popland ธีมพาร์คตัวการ์ตูนที่สาวก Popmart จะต้องกรี๊ด


การเดินทาง


สายการบินไปจีนมีหลายสายมาก แต่ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยสายการบิน Vietjet บินตรงจากสุวรรณภูมิ-ปักกิ่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.40 ชั่วโมง เวลาที่จีนเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง


ส่วนการเดินทางเที่ยวในปักกิ่ง จะใช้รถไฟ Metro Line ซึ่งครอบคลุมทั่วทั้งเมือง สแกนจ่ายผ่าน Alipay ได้ บางสถานีตอนนี้สามารถแตะบัตรพวก Travel Card ได้ด้วยนะ สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก หรือถ้าสะดวกหน่อย จะขึ้น Taxi โดยเรียกรถผ่าน Didi ก็ง่ายมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนโกง ไม่ต้องพูดคุยต่อรองราคา เรียกผ่าน App จ่ายผ่าน Alipay สะดวกสุดแล้ว





ข้อควรรู้ก่อนเดินทาง


ข้อดี

- มาเมืองเดียว ได้เที่ยวทั้งฟีลเมือง และประวัติศาสตร์

- ห้องน้ำส่วนใหญ่ที่เจอคือดี ชักโครกเป็นของหายาก ส่วนใหญ่จะนั่งยอง

- อาหารอร่อยถูกปากเรา ชาบูหม่าล่าฟินๆ

- ที่เที่ยวต่างๆ คือดี ยิ่งคนชอบประวัติศาสตร์ ความเป็นมาทั้งหลาย เมืองนี้คือมีทั้งพระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน หอสักการะฟ้า กำแพงเมืองจีน และยังมีแหล่งช้อปปิ้งแบบวิถีคนเมือง เป็นการรวมกันที่แตกต่าง แต่อยู่ด้วยกันได้อ่ะ

- คาเฟ่ดีๆ เยอะนะ สายคาเฟ่ต้องชอบ แต่เราเที่ยวไม่ทัน ยังอยากไปอีกหลายที่เลย

- ค่ารถไฟถูกมาก แบบมากอ่ะ เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ถึงไม่มีรถไฟ ก็เรียก didi ได้ ราคาไม่แพงเว่อร์

- สังคม cashless ที่แท้จริง ไม่ต้องพกเงินสดก็อยู่รอดได้ แต่พกไปสักนิดก็อุ่นใจกว่า


ข้อเสีย

- กลิ่นบุหรี่หนักมาก สูบกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เว้นแม้แต่ในรถ คนแพ้ควันแพ้กลิ่นอาจจะใช้ชีวิตลำบาก

- คนจีนพูดจีน only ภาษาอังกฤษคืออะไร ไม่สนใจ อาม่า อากง คือโนสนโนแคร์ แต่วัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ จะมีความพยายามในการสื่อสารมากกว่า เค้าน่าจะพยายามปรับตัวอยู่นะ ส่วนมากคือจะมีแอปแปลภาษากันทุกคน แต่แปลมาก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถือเป็นรสชาติของการเที่ยวไป

- เสียงดังมาก โดยนิสัยความจีนคือพูดเสียงดัง อิโล้งโช้งเช้งกันอยู่แล้วอ่ะ นึกออกป่ะ บางทีมันก็หัวจะปวด แล้วคุยกันข้ามหัว ข้ามหน้า ข้ามตา

- ขากถุยยยย อันนี้ไม่ไหวจะรับ พื้นนี่แทบจะเต็มไปด้วยร่องรอยของอารยธรรม ได้แต่คิดในใจว่าอะไรกันครับเนี่ยยยย

- เดินเยอะมาก เดินจนท้อ เดินจนเคาน์เตอร์เพนต้องเข้าแล้ว สมกับคำว่าจีนแผ่นดินใหญ่จริงๆ มันกว้าง มันใหญ่ไปซะทุกที่


ข้อควรรู้อื่นๆ

- เวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง

- ค่าเงินเป็นหยวน แต่คนจีนไม่พูดหยวน (หรือเราออกเสียงผิด) เค้าพูดเป็น RMB (เหรินหมินปี้) อ่ะ

- อัตราแลกเปลี่ยน ~ 4.xx เอาง่ายๆ คูณ 5 ไปเลย จบๆ

- เปิดโรมมิ่งไปเล่น Social Media ได้ แต่ไม่เสมอไป เจอหลายคนละที่เปิดโรมมิ่งแต่เล่น TT ไม่ได้

- Google map คือง่อย Apple map ยังรอดชีวิต Baidu map คือที่สุด แต่ชั้นอ่านจีนไม่ออก ผ่าม!!

- แอปที่ต้องมีคือ Alipay, Wechat บางคนสะดวก TrueMoney แต่นี่โหลดไป 2 แอปก็รอดอยู่นะ

- App Metroman จำเป็นสำหรับการขึ้นรถไฟ

- ทุกทางเข้าสถานีต้องสแกนกระเป๋า

- ขึ้นรถประจำทางประตูหน้า สแกนจ่ายจาก Alipay ได้ ตอนลงประตูหลังต้องสแกนอีกรอบ



แพลนเที่ยวปักกิ่ง 5 วัน 4 คืน


Day 1


วันแรกที่เรามาถึงเป็นวันจันทร์ ซึ่งวันจันทร์เป็นวันที่พระราชวังส่วนใหญ่จะปิด ฉะนั้นวันแรกเราจะตรงไปเที่ยวที่สวนสนุกอย่าง Universal Studios Beijing กันก่อน


สวนสนุก Universal Studios Beijing เป็น Theme Park ของ Universal แห่งที่ 5 ของโลก และเป็นแห่งที่ 3 ของเอเชีย เป็นสวนสนุกที่ใหม่ที่สุดในโลก (กันยา 2021) และเป็น Universal ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่มีจุดเด่นคือโซนที่ออกแบบมาเป็นเฉพาะ เพราะเป็นที่เดียวที่มีโซน Kungfu Panda และยังมีโซนฮิตๆ ที่ไม่ควรพลาด


โซนทั้งหมดในสวนสนุก Universal Studios Beijing มีทั้งหมด 7 โซน


  1. Hollywood โซนที่จำลองเมือง Hollywood

  2. Minion Land โลกของเหล่ามินเนี่ยนสีเหลือง โซนนี้เหมาะกับสายครอบครัวมากๆ

  3. Jurassic World Isla Nublar โซนเครื่องเล่นและการแสดงธีม Jurassic Park

  4. The Wizarding World of Harry Potter โลกแห่งเวทมนตร์ ที่จำลองฉากในเมือง Hogsmeade และปราสาท Hogwarts ที่ตั้งเด่นเป็นเอกลักษณ์ของโซนนี้ พลาดไม่ได้กับร้านขายของที่ระลึก และ Butterbeer

  5. Waterworld การแสดงโชว์แบบสดๆ ใช้เอฟเฟกต์สมจริง กับฉากแอคชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ

  6. Kung Fu Panda Land of Awesomeness ธีมแอนิเมชันจากเรื่อง Kung Fu Panda ที่มาในธีมจีนโบราณ

  7. Transformer Metrobase ร่วมต่อสู้ไปกับ Autobots โซนนี้มีเครื่องเล่นที่หวาดเสียวที่สุดในพาร์ค ใครชอบรถไฟเหาะตีลังกาต้องไม่พลาดโซนนี้


เราใช้เวลาอยู่ที่สวนสนุกทั้งวัน แบบทั้งวันจริงๆ สนุกแบบลืมโลกไปเลย อยู่จนสองทุ่มกว่า เราถึงเดินทางกลับโรงแรมกัน ด้วยรถไฟ Metro Line






อ่านรีวิวเต็มได้ที่ > รีวิว Universal Studios Beijing




Day 2

Temple of Heaven / Liqun Roast Duck Restaurant / The Forbidden City

Jingshan Park / Niu Yo Sukiyaki


เช้าวันที่สอง เราเริ่มวันตั้งแต่ตี 5 เพราะเราจะเตรียมตัวไปวิ่งกัน 555 ไม่ใช่ๆๆ คือเราตั้งใจว่าเช้าวันนี้เราจะไป Temple of Heaven หรือหอสักการะฟ้ากัน แล้วความอยากถ่ายรูปให้ออกมาสวย แบบไม่มีคน เราเลยรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอประตูเปิด แล้ววิ่งสู้ฟัด วิ่งสู้กับชาวจีนอีกล้านแปด เพื่อให้ได้รูปมุมที่เราต้องการ ถ้าใครอยากมาแบบเรา ให้มาเข้าประตูทางทิศตะวันออกนะ ประตูนี้จะอยู่ใกล้กับตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน (Hall of Prayer for Good Harvests) หรือตำหนักสักการะมากที่สุด หลังจากนั้นค่อยเดินไล่ลงไปทางทิศใต้ เพื่อไปตำหนักหวงฉุงหยีว์ (Imperial Vault of Heaven) หรือตำหนักเทพสถิต และหยวนซิวถาน (Circular Mound Altar) หรือแท่นบวงสรวงฟ้า







เสร็จจากหอสักการะฟ้า เรามาถึงปักกิ่งทั้งที ต้องพาตัวเองไปกินเป็ดปักกิ่งสักมื้อ ว่าแล้วเรียกรถไปร้าน Liqun Roast Duck Restaurant ร้านเป็ดปักกิ่งที่ดูภายนอกแล้วอิหยังวะ แม้แต่ตอนเป็ดมาเสิร์ฟก็ยังสองจิตสองใจว่ามันจะอร่อยหรอ เป็ดมันดูแห๊งงง แห้งงงง แต่พอได้กินเท่านั้นแหล่ะ โอ้โหววว อร่อยแสงออกปาก มันดี มันเริ่ด มันอร่อยมากเว่ออออร์ กินเรียบแบบหมาเห็นแล้วค้อนอ่ะ ไม่เหลืออะไรให้เลย 555




ท้องอิ่มก็พร้อมเที่ยวต่อละ ที่ต่อไปของเราคือพระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City) หรือ กู้กง พระราชวังที่ห้ามประชาชนเข้าในอดีต แต่ปัจจุบันประชาชนนับหมื่นเข้ามาเหยียบที่นี่แทบจะทุกวัน ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนคนจีนคือเที่ยวกันเองเยอะมากกก ทุกพื้นที่มีแต่คนจีน


การจะเข้าไปเที่ยวที่นี่ได้ เราจะต้องเดินเข้าประตูอู่ หรือ Meridien Gate เท่านั้นนะ ถ้าเดินไปประตูอื่น ก็ต้องเดินอ้อมมาเข้าที่ประตูนี้เท่านั้น การซื้อตั๋วเข้าพระราชวังเราจองล่วงหน้า 7 วันผ่าน https://bookingticket.dpm.org.cn 


เราเดินเที่ยวจากประตูอู่ (ทิศใต้) ไปออกที่ประตูเฉินอู่ (ทิศเหนือ) แล้วเดินข้ามถนนไปสวนจิ่งซาน (Jingshan Park) เพื่อดูวิวพระราชวังต้องห้ามมุมสูง ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน






ส่วนมื้อเย็นเรานั่งรถเมล์ไปกินชาบูที่ร้าน Niu Yo Sukiyaki กัน ร้านนี้จะเป็นบุฟเฟ่ต์มีให้เลือกหลายเรทราคา ร้านจะอยู่ที่ชั้น 3 ตึก Guanghua International เราเลือกแพ็กเกจที่ราคาพันกว่าบาท เราชอบบุฟเฟ่ต์ของที่จีนนะ ไลน์อาหารคืออลังการมาก พวกเนื้อสัตว์ เราจะต้องออเดอร์กับพนักงาน แต่อย่างอื่นคือเดินตักตามไลน์อาหารที่เขาตั้งไว้ได้เลย แล้วน้ำดื่มมีให้เลือกอย่างกะในซุปเปอร์มาร์เกต เยอะมากก


อ่านรีวิวเต็ม > หอสักการะฟ้า Temple of Heaven



Day 3

Gubei Water Town / The Great Wall of China


แพลนวันนี้เราจะเดินทางไป Gubei Water Town เมืองน้ำโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ จากความตั้งใจที่จะมาเที่ยวกำแพงเมืองจีน แล้วเพิ่งรู้ตอนหาข้อมูลนี่แหล่ะ ว่ากำแพงเมืองจีนอ่ะ มีหลายด่านมากๆ เออ ก็จริงเนอะ กำแพงยาวขนาดนี้ จะมีจุดเดียวได้ยังไง


แต่มันจะมีอยู่ด่านนึงที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านโบราณ (ชักน่าสนใจแล้วใช่มะ) ซึ่งก็คือด่าน Simatai (ซือหม่าไถ) แล้วด่านนี้ก็อยู่ติดกับ Gubei Water Town เมืองน้ำโบราณ ที่แต่ก่อนเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของคนที่คอยดูแลกำแพงเมืองจีนด่านนี้นี่แหล่ะ แต่ปัจจุบันทางรัฐบาลจีน ได้เข้ามาพัฒนาบริเวณนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว


ในเมื่อเขาพัฒนามาขนาดนี้ เราก็ต้องไปเที่ยวกันสักหน่อย จะไปเมืองนี้ได้เราจะต้องนั่งรถบัสไป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ จะมีรถออกตามรอบนะ จะนั่งไปนั่งกลับคงจะเหนื่อยน่าดู เราเลยตัดสินใจนอนค้างที่เมืองนี้สัก 1 คืน บอกตรงนี้เลยว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่ามาก





ช่วงเย็นหลังจากเดินเล่น เก็บของในห้องเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางไปขึ้นกำแพงเมืองจีนกันแล้ว ตื่นเต้นมาก สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เราอยากมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ค่าขึ้นกำแพงเมืองจีน จะมีเรทราคาพิเศษสำหรับคนที่มานอนพักใน Gubei Water Town เราจ่ายค่าขึ้นกำแพง รวมค่ากระเช้าไปกลับ คนละ 120 หยวน กระเช้าขึ้นไปบนกำแพงจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที แป๊บเดียวเอง หลังจากลงกระเช้าแล้ว ยังไม่ถึงนะ จะต้องเดินไปตามไหล่เขาอีกสักระยะนึง จุดที่เราขึ้นไปนี่จะอยู่ระหว่างป้อม 5 กับป้อม 6


ลืมเล่าให้ฟัง กำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถที่เรามา เขามีเปิดให้ขึ้นตอนกลางคืนด้วยนะ ซึ่งจะมีแค่บางด่าน และบางเดือนเท่านั้นที่จะเปิดช่วงกลางคืนให้เราขึ้นมาได้ เราไม่เคยมาตอนกลางวันหรอก แต่คิดว่ากลางคืนมันน่าจะสวย เลยเลือกมาช่วงนี้ แล้วไม่ผิดหวังจริงๆ แสงเย็นบนกำแพงเมืองจีนสวยมากกก สวยสะกด






หลังจากลงจากกำแพงเมืองจีนมาแล้ว เราก็มาเดินเล่นในหมู่บ้านกู๋เป่ยกันต่อ ในหมู่บ้านช่วงกลางคืนจะมีโชว์แสงสีตรงบริเวณน้ำพุ และมีโชว์บินโดรนเป็นรูปต่างๆ อาหารเย็นเรากินหม้อไฟหม่าล่าในเมืองนี่แหล่ะ เป็นแบบ A la carte หม้อไฟร้อนๆ กับอากาศเย็นๆ เข้ากันดีจริงๆ


อ่านรีวิวเต็ม > Gubei Water Town

อ่านรีวิวเต็ม > The Great Wall of China


Day 4

Gubei Water Town / Shichahai / Wangfujing / St. Joseph's Church


เช้าวันใหม่ในเมืองน้ำโบราณกู๋เป่ย บรรยากาศดีมาก ห้องพักที่เราจองมารวมอาหารเช้าด้วย เลยไม่ต้องไปหาอะไรกินที่ไหน เดินเล่นกันในเมืองช่วงเช้าอีกสักหน่อย แวะคาเฟ่น่ารักๆ ในเมือง สั่งกาแฟมากินแต่จืด จืดมากกก 555 หรือจริงๆ เป็นเพราะเขามีแต่แบบร้อน เรานี่แหล่ะไปบอกเขาว่าใส่น้ำแข็งได้มั้ย??


หลังจากเดินเล่นในเมืองกันอย่างเพลิดเพลิน เราก็พลาดรอบรถบัสตอนเที่ยงที่จะกลับเมืองปักกิ่ง แล้วคือรอบรถบัสที่จะออกจากเมืองกู๋เป่ยไปปักกิ่งอ่ะ มีแค่วันละ 2 รอบ รอบเที่ยงคือรอบสุดท้าย >< เป็นอันว่าเรียก Taxi ผ่าน Didi กลับปักกิ่งกันค่าา นั่งรถไปยาวๆ กว่าจะถึงโรงแรมก็ประมาณ 3 ชั่วโมง เวลามันนานกว่าขาไป เพราะว่า 2 ชั่วโมงอ่ะ มันนับจากท่ารถบัสไปเมืองกู๋เป่ย แต่ตอนกลับ เราให้รถมาส่งถึงโรงแรมเราเลย แล้วในเมืองปักกิ่งรถติด!


กลับมาถึงก็มาเช็คอินที่โรงแรมกันอีกครั้ง ในโรงแรมเดิม CitiGo Beijing Tiananmen Square พักกันสักแป๊บ ก็ไปเที่ยวกันต่อแพลนวันนี้คือไปย่าน Hutong นั่งรถไปไปลงที่สถานี Shichahai เดินเล่นรอบทะเลสาบโฮ่วไห่ (Houhai Lake) ตั้งใจว่าจะไปนั่งชมวิวทะเลสาบสวยๆ ที่ Sugar Cafe แต่! พ่อแม่พี่น้อง มวลมหาประชาชนคนจีนมันเยอะซะเหลือเกิน ไปถึงคาเฟ่แล้วคนเต็มไปหมด มุมสวยๆ ที่เล็งไว้ มีที่นั่งแค่ 6-8 ที่นั่ง แล้วพส.จีนนั่งชมวิวกันพรึ่บพรั่บ ไม่มีทีท่าว่าจะลุกง่ายๆ เปลี่ยนแผนค่ะ ไปเดินหาอะไรกินรองท้องกันสักนิด แล้วย้ายโลเคชั่นกัน


ว้าปมาโผล่อีกทีที่ Wangfujing Street นั่งรถไฟ Metro Line มาลงที่สถานี Wangfujing ขึ้นมาย่านนี้แล้วแสงสีเสียงมันตื่นตาตื่นใจดีจริงๆ ถนนเส้นนี้เป็นถนนช้อปปิ้งชื่อดัง และเก่าแก่ที่สุดในปักกิ่ง มีห้างสรรพสินค้า ร้านแบรนด์ ร้านขายของ บนถนนเส้นนี้ยังมีห้าง APM ที่มีร้าน Popmart อยู่ด้วยนะ อ่ะชี้เป้าแล้ว สาวก Popmart ต้องไม่พลาดถนนเส้นนี้ เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนหิว ก็หาอะไรกินง่ายๆ ที่นี่แหล่ะ สรุปไปเข้าร้าน Maluji ร้านอาหารจีนเสฉวน ที่มองๆ ดูแล้ว น่าจะกินได้ สรุปอร่อย! โห อร่อยทุกอย่าง ไม่ผิดหวัง


กินเสร็จพร้อมกลับไปพักที่โรงแรมละ เดินหาสถานีรถไฟ ก็เดินมาเจอ St. Joseph's Church โบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 2 ในปักกิ่ง ตั้งอยู่บนถนนหวังฝูจิ่ง ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Romanesque Revival (โรมาเนสก์ รีไววัล) คือมีเสาหินขนาดใหญ่ 18 ต้น มีหอคอยและยอดโดมเป็นหอสูง หลังคาโค้ง มีความโค้งเว้าแบบโรมัน ด้านหน้าโบสถ์เป็นลานกว้าง คนมักมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง และนั่งพักผ่อน



Day 5

Summer Palace / Suzhou Market Street / Popland


วันสุดท้าย เรายังไปเที่ยวได้อีกหนึ่งวันเต็มๆ เพราะไฟล์ทเราดึก แพลนวันนี้เราจะไปเที่ยวที่ Summer Palace หรือ พระราชวังฤดูร้อน หรือ อี๋เหอหยวน อีกหนึ่งมรดกโลกในเมืองปักกิ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่บนภูเขา มีทะเลสาบอยู่ด้านหน้า เป็นอีกหนึ่งพระราชวังที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก


แต่ก่อนที่จะเข้าไปที่ Summer Palace ทางทิศเหนือของพระราชวังมีตลาดอยู่ ที่นี่ชื่อว่า Suzhou Market Street หรือถนนตลาดซูโจว สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ว่ากันว่าสร้างขึ้นเพื่อภิกษุณีที่เป็นสนมคนโปรด ที่จากบ้านเกิดที่เมืองซูโจวมาอยู่ที่ปักกิ่ง แล้วเกิดคิดถึงบ้าน จักรพรรดิเฉียนหลง เลยสร้างที่นี่ให้มีบรรยากาศเหมือนกับเมืองซูโจว มีร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง มีแม่น้ำสายเล็กไหลผ่านกลาง






หลังจากนั้นเราค่อยเดินไป Summer Palace แต่ถ้าใครจะมาตามรูทนี้ ขอแนะนำว่า เดินขึ้นเขาเหนื่อยมากนะ!!! ถ้าใครไม่ได้อยากมาเดินที่ตลาดซูโจวก่อน ไปเข้าประตูอื่นได้เลย เพราะเส้นทางระหว่างตลาดซูโจว ไปพระราชวังฤดูร้อน คือเราต้องเดินข้ามเขา ข้ามจริงๆ คือเดินขึ้น แล้วก็เดินลง 555


แล้วถ้ายังคิดว่าอยากขึ้นไปชมความงามของหอฝอเซียง จะต้องเดินไต่บันไดขึ้นภูเขาไปอีกรอบนะ ทางเดินขึ้นเขาจากทิศเหนือมันไม่ทะลุกัน มันเดินถึงกันไม่ได้ บันไดที่จะขึ้นหอฝอเซียงอ่ะ แค่เห็นก็ท้อแล้ว ต้องใช้พลังใจขั้นสุด






บอกตรงๆ ว่าเดินเที่ยวได้ไม่รอบ Summer Palace มันกว้างมากจริงๆ แล้วขาสั่นตั้งแต่เดินขึ้นเขาตอนเช้าแล้วอ่ะ มันไม่ไหวจริงๆ แล้วตอนที่คิดว่าไม่ไหวอ่ะ ยังต้องหาทางเดินออกจาก Summer Palace อีกคิดดู มันท้อ! 555


แล้วถามว่ากลับไปนั่งพักที่โรงแรมหรอ ก็เปล่า ไปกันต่อจ้า ไป Popland กัน อีกหนึ่งอย่างที่เราอยากมาปักกิ่งเลย คือที่นี่มี Popland เป็นของตัวเอง Popland Beijing เป็นธีมพาร์คที่อยู่ใน Chaoyang Park อยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง มีพื้นที่กว่า 40,000 ตร.ม. เหมาะมากกับคนรัก Character ตัวการ์ตูนจาก Popmart ทั้งน้อง Labubu น้อง Molly น้อง Dimoo





อ่านรีวิวเต็ม > พระราชวังฤดูร้อน Summer Palace

อ่านรีวิวเต็ม > Popland Theme Park


จบจาก Popland เราก็กลับมาเก็บกระเป๋า แล้วเดินทางไปสนามบินกัน เที่ยวเหนื่อยมาขนาดนี้ ขากลับดูแล้วไม่พ้น Taxi แน่นอน นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบิน Beijing Daxing International Airport



ที่พักแนะนำ


ในตัวเมืองปักกิ่ง เราพักที่ CitiGO Hotel Beijing Tian'anmen Square ถ้าให้แนะนำ ก็จะแนะนำที่นี่แหล่ะ ทำเลดีมาก อยู่บนถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) ใกล้ที่เที่ยว มี Lawson อยู่ติดรร. มีสถานีรถไฟอยู่ด้านหน้า เดินไปไม่กี่ร้อยเมตร สะดวกในการเดินทางมาก ราคาแล้วแต่ช่วงเวลานะ ตอนเราไปตกคืนละ 2,xxx บาท


ส่วนในเมืองน้ำโบราณ Gubei Water Town เราพักที่ Ancient Village Inn ห้องพักสไตล์ Cozy น่ารักๆ ราคาคืนละ 2,xxx บาท รวมอาหารเช้า อยู่ใกล้ร้านขายของกิน แต่ไม่ได้อยู่ริมน้ำนะ






สรุป


นี่คือทริปปักกิ่งครั้งแรกของเรา บอกได้เลยว่าไม่มีทางเที่ยวได้ครบ ยังมีอีกหลายที่เลยนะ ที่เราอยากไปและยังไม่ได้ไป เพราะเวลาไม่พอจริงๆ ตอนนี้จีนก็ฟรีวีซ่าแล้ว หลังจากนี้ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวจีนอีกหลายๆ ที่เลย ถ้าให้พูดถึงปักกิ่งสำหรับเรา มีทั้งข้อดี และข้อที่เราต้องทำใจ หนักสุดสำหรับเราคือเรื่องบุหรี่ ถ้าคนเป็นภูมิแพ้นี่ไม่น่ารอด คนจีนสูบกับหนักมากจริงๆ กับเรื่องเสียงที่โวยวายเสียงดัง แต่ถ้าเราทำใจเรื่องส่วนนี้ได้ คือสบาย ถ้าถามว่าเราจะไปปักกิ่งอีกมั้ย บอกเลยว่าไปแน่นอน ซ้ำได้อีกเรื่อยๆ ส่วนใครอยากไปปักกิ่ง หวังว่าข้อมูลที่เราเขียนรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะ ถ้าชอบรีวิวแบบนี้ฝากกดติดตามเราทุกช่องทาง มาพูดคุยกันได้






 

ชอบคอนเท้นแบบนี้ ฝากติดตามผลงานของเราช่องทางอื่นๆ ด้วยนะคะ 🥰

Comments


bottom of page