top of page

รวมที่เที่ยวโอซาก้า 2025 พร้อมวิธีเดินทาง อัปเดตใหม่ล่าสุด

  • รูปภาพนักเขียน: tiewjourney
    tiewjourney
  • 6 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 4 นาที

อัปเดตเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา


glico sign at dotonbori Osaka Japan

คู่มือเที่ยวโอซาก้า 2025 ฉบับอัปเดตล่าสุด รวมครบทั้งที่เที่ยวใหม่ พาเช็กอินครบทุกย่านดัง จุดเช็คอินที่ห้ามพลาด เที่ยวง่าย ครบจบในทริปเดียว

Content นี้มีอะไรบ้าง





Introduction : Osaka

ถ้าพูดถึงญี่ปุ่น เมืองแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงนอกจากโตเกียว ก็คงหนีไม่พ้น “โอซาก้า” เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความคึกคัก และเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร โอซาก้าไม่ใช่แค่เมืองทางผ่าน แต่คือจุดหมายปลายทางที่ต้องมาสักครั้งในชีวิต


ในปี 2025 นี้ โอซาก้ายังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักท่องเที่ยวไทย เพราะเดินทางง่าย บรรยากาศเป็นกันเอง อาหารอร่อย และมีที่เที่ยวให้เลือกครบทุกแนว ทั้งสายช้อป สายกิน สายวัด สายธรรมชาติ หรือแม้แต่สายแฟก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ


ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์กอย่าง ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle), ย่านช้อปปิ้งสุดคึกคัก ชินไซบาชิ (Shinsaibashi), โดทงโบริ (Dotonbori) ที่แสงสีจัดจ้านแบบไม่ต้องพัก ไปจนถึงมุมสงบๆ อย่าง สวนเท็มโปซัน หรือทริปใกล้ๆ อย่างไปดูวิวที่ อ่าวโอซาก้า ล่องเรือชมเมือง หรือแม้แต่ขึ้นไปชมวิวบนตึกสูง แต่สิ่งที่ทำให้โอซาก้าแตกต่างจากเมืองอื่น ไม่ใช่แค่สถานที่เที่ยว แต่คือ “อารมณ์ของเมือง” ที่ทั้งอบอุ่น มีชีวิตชีวา และต้อนรับคนแปลกหน้าอย่างเป็นมิตร เสียงหัวเราะ การทักทายแบบกันเอง และกลิ่นของทาโกะยากิที่ลอยตามลมมา ยังคงเป็นสิ่งที่ใครได้มาเยือนก็ไม่มีวันลืม


จะมาโอซาก้าครั้งแรก หรือกลับมาอีกครั้งในปี 2025 เมืองนี้ก็ยังมีอะไรใหม่ๆ ให้ค้นหาเสมอ เพราะโอซาก้าไม่ใช่เมืองที่แค่ “มาเที่ยว” แต่คือเมืองที่ทำให้ “อยากอยู่ต่อ” แบบไม่รู้ตัว



เที่ยวโอซาก้าไปไหนได้บ้าง??

ย่าน Shinsekai


ประวัติความเป็นมา


Shinsekai แปลตรงตัวว่า “โลกใหม่” ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1912 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองใหญ่ในต่างประเทศครึ่งหนึ่ง เช่น ปารีส และอีกครึ่งหนึ่งจากอเมริกา โดยฝั่งทางเหนือของย่านนี้เคยมีสวนสนุก Luna Park ที่มีชื่อเสียงมากในสมัยก่อน แม้สวนสนุกจะปิดตัวลงไปนานแล้ว แต่กลิ่นอายของความบันเทิงและความสนุกก็ยังอยู่ในบรรยากาศของย่านนี้เสมอ


จุดเด่นและสิ่งน่าสนใจในย่าน Shinsekai


  • หอคอย Tsutenkaku สัญลักษณ์ของย่านนี้ และเคยเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นในยุคหนึ่ง ตัวหอคอยสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโอซาก้าได้รอบด้าน และยังมีรูปปั้น “Billiken” เทพเจ้านำโชคของโอซาก้าให้ขอพรด้วย

  • ร้านอาหารสไตล์ดั้งเดิม โดยเฉพาะร้านขาย “คุชิคัตสึ” (串カツ) หรือของทอดเสียบไม้แบบโอซาก้า ที่มีให้เลือกหลายร้านในบรรยากาศย้อนยุค และหนึ่งในกฎเหล็กคือ "ห้ามจุ่มซอสซ้ำ" เป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวชอบมาก

  • บรรยากาศย้อนยุคของญี่ปุ่นในยุคโชวะ อาคารร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงรักษารูปแบบเก่า ทำให้รู้สึกเหมือนได้เดินย้อนเวลากลับไปสมัยคุณปู่คุณย่า ทั้งป้ายโฆษณาแบบโบราณ ร้านเกมตู้เก่า และบรรยากาศสบายๆ ช้าๆ แบบ Slow Life

  • ความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรม ย่านนี้เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้คนที่นี่มีเอกลักษณ์ และมักให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง รวมถึงยังเป็นย่านที่คนโลคอลนิยมใช้ชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แค่ย่านท่องเที่ยวปลอม


ทำไมถึงควรมาเที่ยว Shinsekai?
  • ได้สัมผัส “โอซาก้าของจริง” ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่แค่แสงสีของโดทงโบริ

  • บรรยากาศคลาสสิก เหมาะกับคนชอบถ่ายรูป หรืออยากเห็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

  • อาหารท้องถิ่นอร่อยในราคาย่อมเยา โดยเฉพาะคุชิคัตสึ

  • เดินเล่นได้ชิลๆ ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวก อยู่ใกล้กับสวนสัตว์ Tennoji และตึก Abeno Harukas ด้วย


billboard of octopus at Shinsekai Osaka

a restaurant in Shinsekai

Kushikatsu Daruma Shinsekai Branch
Kushikatsu Daruma ต้นตำรับอาหารเสียบไม้ทอดแห่งย่านชินเซไก

Tsutenkaku Tower
หอคอย Tsutenkaku

Tsutenkaku Tower


หอคอย Tsutenkaku (通天閣) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของโอซาก้า ตั้งอยู่ในย่าน Shinsekai ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างมาก ตัวหอคอยถือเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูเมืองหลังสงคราม และเป็นศูนย์กลางความบันเทิงในยุคโชวะ


ความเป็นมา & ความสำคัญ


  • หอคอยสึเทนคาคุถูกสร้างครั้งแรกในปี 1912 ได้แรงบันดาลใจจาก หอไอเฟล ที่ปารีส

  • เดิมสูง 64 เมตร และในยุคนั้นถือว่าสูงที่สุดในเอเชีย

  • หอคอยต้นฉบับถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกสร้างใหม่ในปี 1956 โดยมีความสูง 103 เมตร

  • ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้าที่สื่อถึงความคึกคัก สนุกสนาน และเสน่ห์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น


เวลาเปิด-ปิด


  • เปิดทุกวัน 10:00 – 20:00 น.

  • เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 19:30 น.


ค่าเข้าชม (อัปเดตปี 2025)


  • ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) : 1,000 เยน

  • เด็ก (อายุ 5–15 ปี) : 500 เยน

  • เด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปี : ฟรี

  • มีแพ็กเกจรวมกิจกรรมอื่น เช่น พิพิธภัณฑ์ Glico หรือสวนสนุกรอบๆ ให้เลือกซื้อแยกเพิ่มได้


กิจกรรมที่น่าสนใจบนหอคอย


  1. จุดชมวิว ชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา มองเห็นโอซาก้าย่าน Shinsekai, Abeno Harukas และตึกต่างๆ ได้แบบชัดๆ

  2. Biliken Statue (เทพเจ้าแห่งโชค) รูปปั้นนี้อยู่ในหอคอยมาตั้งแต่ยุคแรก เชื่อว่าหากลูบเท้า Biliken จะนำโชคดีมาให้

  3. Skywalk (Tsutenkaku Tower Outdoor Observatory) เดินเล่นบริเวณระเบียงเปิดโล่งด้านนอกหอคอย (มีค่าเข้าต่างหาก) สำหรับสายชอบความท้าทาย

  4. พิพิธภัณฑ์เล็กๆ เกี่ยวกับประวัติหอคอย บอกเล่าความเป็นมาของย่าน Shinsekai และ Tsutenkaku

  5. ร้านของที่ระลึกและร้านขนมท้องถิ่น มีของฝากแนว retro เก๋ๆ และขนมญี่ปุ่นย้อนยุคขายเพียบ


แนะนำเพิ่มเติม
  • สามารถเที่ยวควบคู่กับย่าน Shinsekai, สวนสัตว์ Tennoji, และ Spa World

  • ตอนกลางคืนหอคอยจะเปิดไฟเปลี่ยนสีตามฤดูกาล สวยงามมาก เหมาะแก่การมาเดินถ่ายรูปเล่นย่านนี้



girl standing in Shinsekai in front of Tsutenkaku Tower

girl standing in Shinsekai in front of Tsutenkaku Tower

girl looking at Tsutenkaku Tower

Close up Tsutenkaku Tower

Paper ticket of Tsutenkaku Tower

girl rub at the foot of Billiken statue.

City view from Tsutenkaku Tower







ย่าน Umeda


ย่าน Umeda (อุเมดะ) คือหัวใจหลักของ “โอซาก้าตอนเหนือ” และเป็นหนึ่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจ การคมนาคม และไลฟ์สไตล์ที่สำคัญที่สุดของเมืองโอซาก้า เรียกได้ว่าเป็นย่านที่ทันสมัย คึกคัก และเต็มไปด้วยตึกระฟ้า ห้างหรู และสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในเมืองใหญ่


ประวัติและภาพรวมของ Umeda


ชื่อ “Umeda” แปลว่า “ทุ่งบ๊วย” ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ปลูกต้นบ๊วยจำนวนมาก ก่อนจะถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งของโอซาก้า ปัจจุบันย่านนี้มีสถานีรถไฟขนาดใหญ่มากถึง 6 สายมาบรรจบกัน เช่น JR Osaka Station, Hankyu, Hanshin, Osaka Metro ฯลฯ ทำให้ Umeda กลายเป็นย่านที่เดินทางสะดวกสุดๆ และมีผู้คนหมุนเวียนตลอดทั้งวัน


จุดเด่นและสิ่งน่าสนใจในย่าน Umeda


  • สถานี JR Osaka Station และ Grand Front Osaka ศูนย์รวมร้านค้า คาเฟ่ และเทคโนโลยีสุดล้ำ แบ่งเป็นโซนกิน เที่ยว ช้อป และที่นั่งพักสบายๆ บรรยากาศดี เชื่อมต่อกับสถานี JR ทำให้เดินสะดวกสุดๆ

  • Umeda Sky Building (Kuchu Teien Observatory) แลนด์มาร์กของย่านนี้ เป็นตึกแฝดเชื่อมกันด้วยสะพานลอยฟ้า และมีจุดชมวิว 360 องศาแบบโอเพ่นแอร์ สามารถมองเห็นวิวเมืองโอซาก้าแบบเต็มตา โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกและตอนกลางคืน วิวสวยมาก

  • HEP FIVE & ชิงช้าสวรรค์สีแดง ห้างแฟชั่นของวัยรุ่นที่มีจุดเด่นคือชิงช้าสวรรค์สีแดงบนดาดฟ้า สามารถนั่งชมวิวเมืองได้แบบโรแมนติก ทั้งกลางวันและกลางคืน

  • ศูนย์รวมห้างหรูและร้านอาหารระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น LUCUA, Hankyu Department Store, Daimaru, Herbis Plaza, Hilton Plaza รวมถึงร้านอาหาร fine dining ไปจนถึงร้านอิซากายะเก๋ๆ

  • ย่านใต้ดิน Umeda Underground Mall เป็นเมืองใต้ดินที่มีทั้งร้านค้า ร้านขนม ร้านอาหาร และทางเดินเชื่อมต่อสถานีรถไฟต่างๆ เดินได้โดยไม่ต้องออกนอกอาคาร เหมาะมากในวันที่ฝนตกหรืออากาศร้อน


ทำไมถึงควรมาเที่ยว Umeda?
  • เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทาง เชื่อมต่อสะดวกไปยังทุกทิศทางในโอซาก้า

  • รวมครบทุกอย่างในหนึ่งย่าน: ช้อปปิ้ง แฟชั่น วิวสวย คาเฟ่ และร้านอาหารดีๆ

  • เหมาะทั้งเที่ยวแบบครอบครัว เดินเล่นแบบชิล หรือออกเดตตอนกลางคืน

  • บรรยากาศเมืองใหญ่ที่ไม่วุ่นวายจนเกินไป มีความ “สมาร์ท” และเป็นระเบียบ


Umeda Sky Building


ความสำคัญ & ความเป็นมา


  • ตั้งอยู่ในย่าน Umeda ใจกลางโอซาก้า เป็นหนึ่งในอาคารสไตล์โมเดิร์นที่โดดเด่นที่สุดของเมือง

  • ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Hiroshi Hara แล้วสร้างเสร็จในปี 1993

  • อาคารสูง 173 เมตร มี 2 อาคารหลักที่เชื่อมกันด้วย “ลอยฟ้า” ด้านบน เรียกว่า Floating Garden Observatory (Kuchu Teien)

  • เป็นอาคารที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “20 อาคารสูงที่งดงามที่สุดในโลก” โดย The Times (UK)

  • โดดเด่นทั้งด้านสถาปัตยกรรมแบบ futuristic และจุดชมวิวสุดอลังการที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้าได้แบบพาโนรามา


เวลาเปิด-ปิด (Floating Garden Observatory)


  • เปิดทุกวัน 09:30 – 22:30 น.

  • เข้าชมรอบสุดท้าย 22:00 น.


ค่าเข้าชม (อัปเดตปี 2025)


  • ผู้ใหญ่ : 1,500 เยน

  • เด็ก (4-12 ปี) : 700 เยน

  • เด็กต่ำกว่า 4 ปี : เข้าฟรี

  • มีตั๋วแบบรวมเครื่องดื่มที่ Sky Lounge หรือกิจกรรม VR ให้เลือกเสริม


กิจกรรม & จุดเด่นที่ห้ามพลาด


  1. จุดชมวิว Kuchu Teien (Floating Garden Observatory) ชั้น 39-40 เป็นดาดฟ้ากลางแจ้งแบบ 360 องศา มองเห็นวิวเมืองโอซาก้าโดยรอบ รวมถึงแม่น้ำ Yodo และเทือกเขาโดยรอบในวันที่อากาศดี บรรยากาศโรแมนติกมาก โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกและตอนกลางคืน

  2. Sky Walk ทางเดินกลางแจ้งด้านบนที่มีพื้นลวดลายเรืองแสงตอนกลางคืน สวยและแปลกตา เหมาะแก่การถ่ายภาพ

  3. Lumi Deck (Illumination zone) ช่วงค่ำจะมีแสงไฟตกแต่งเป็นลวดลายเรืองแสงบนพื้นดาดฟ้าและพื้นที่ Sky Walk

  4. Café Sky 40 & ร้านของที่ระลึก คาเฟ่วิวดีบนชั้น 40 มีเครื่องดื่มและขนมให้เลือก ร้านขายของที่ระลึกมีทั้งของเกี่ยวกับโอซาก้าและธีมอวกาศ

  5. สวนลอยฟ้า (Urban Garden) & สวนด้านล่าง (Takimi-koji Retro Street) ด้านล่างของอาคารมีโซน Takimi-koji ที่ตกแต่งย้อนยุคสมัยโชวะ มีร้านราเมง ร้านอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมให้ลองมากมาย สวยและมีเอกลักษณ์ ถ่ายรูปออกมาแล้วดูย้อนยุค


เหมาะกับใคร
  • คนชอบชมวิวเมืองมุมสูง

  • คนชอบสถาปัตยกรรมแปลกตา

  • คู่รัก (เพราะบรรยากาศโรแมนติกตอนเย็นดีมาก)

  • ช่างภาพและสายคาเฟ่


girl sitting on the bench in front of Umeda sky building

girl standing in front of Umeda sky building

look up to sky building

girl standing on the escalator tunnel

hand holding sky building observation ticket

girl looking city view from Umeda sky building

girl standing and looking at city view of Osaka

View from Umeda sky building

Floating Garden Observatory

Escalator between building

ย่าน Dotonbori


Dotonbori (โดทงโบริ) คือย่านบันเทิง กิน ดื่ม ช้อปชื่อดังของโอซาก้า ตั้งอยู่ริมคลองโดทงโบริในเขต Namba เป็นหนึ่งในย่านที่ “ที่สุด” ของโอซาก้าในทุกด้าน ทั้งสีสัน ความคึกคัก และความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าใครมาโอซาก้าก็ต้องแวะมาเช็กอินสักครั้ง


ประวัติสั้นๆ ของย่าน Dotonbori


โดทงโบริมีต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคเอโดะ ในปี ค.ศ. 1612 เมื่อพ่อค้าชื่อ Yasui Doton ขุดคลองขึ้นเพื่อใช้ในการพาณิชย์และการขนส่ง ก่อนที่รัฐบาลจะพัฒนาให้เป็นย่านโรงละครและแหล่งบันเทิง ต่อมาจึงกลายเป็นย่านช้อปปิ้งและสตรีทฟู้ดชื่อดังอย่างในปัจจุบัน


จุดเด่นและสิ่งน่าสนใจในย่าน Dotonbori


  • ป้ายกูลิโกะ (Glico Sign) ไอคอนแห่งโอซาก้าที่ใครๆ ก็ต้องถ่ายรูป เป็นภาพนักวิ่งยกแขนดีใจ อยู่ตรงสะพานเอบิสุ (Ebisu Bridge)

  • ป้ายร้านอาหารใหญ่อลังการ เช่น ปูยักษ์ Kani Doraku ที่ขยับได้, ปลาปักเป้าของร้าน Zuboraya, หรือหน้าร้านทาโกะยากิที่เป็นลูกกลมโต มีสีสันสดใส เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของโอซาก้า

  • สตรีทฟู้ดระดับตำนาน โดทงโบริคือต้นฉบับของคำว่า "Kuidaore" (กินจนหมดตัว) เพราะที่นี่มีทุกอย่างที่ควรลอง เช่น ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ เนื้อย่างเสียบไม้ ข้าวหน้าเนื้อซอสเยิ้ม และของหวานสตรีทสไตล์

  • ล่องเรือคลองโดทงโบริ (Tombori River Cruise) นั่งเรือชมไฟประดับ ป้ายร้านสีสันสดใส และบรรยากาศของโอซาก้ายามค่ำคืน ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที

  • ห้างสรรพสินค้า & ร้านช้อปชื่อดัง เช่น Don Quijote สาขาโดทงโบริที่มีชิงช้าสวรรค์บนตึก, ห้าง Shinsaibashi-suji Shopping Street ที่เชื่อมต่อกันแบบเดินได้เพลินๆ ไปยันย่านชินไซบาชิ


ทำไมต้องมา Dotonbori?
  • ที่นี่คือ “หน้าตา” ของโอซาก้า ใครมาไม่ถึงเหมือนมาไม่ถึง

  • เหมาะทั้งถ่ายรูป เดินเล่น ชิมอาหาร และนั่งชมแสงไฟตอนกลางคืน

  • เดินทางง่ายมาก อยู่ใกล้สถานี Namba เดินจาก Shinsaibashi ก็ได้

  • มีทั้งของกินเล่น ของฝาก คาเฟ่ ไปจนถึงร้านอาหารระดับตำนาน


Namba Yasaka Shrine


ศาลเจ้าสุดยูนีคใจกลางโอซาก้า ที่มี หน้าสิงโตยักษ์สูงกว่า 12 เมตร เป็นไฮไลต์ และกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายรูปยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่


ความสำคัญและประวัติ

  • ศาลเจ้า Namba Yasaka มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี

  • เดิมทีเป็นศาลเจ้าประจำท้องถิ่นที่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ ใช้ในการปกป้องพื้นที่ย่านนัมบะจากภัยพิบัติและโรคภัย

  • หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวศาลเจ้าได้รับความเสียหาย และถูกบูรณะขึ้นใหม่

  • "หัวสิงโตยักษ์" (獅子殿 - Shishiden) ถูกสร้างขึ้นในปี 1975 เพื่อแทนความเชื่อว่า สิงโตจะ "กลืนกินความชั่วร้าย" และ "เรียกโชคลาภและความสำเร็จ" มาให้แทน


จุดเด่นของศาลเจ้า

  • หน้าสิงโตยักษ์ ที่มีความสูงประมาณ 12 เมตร กว้าง 11 เมตรภายใน "ปาก" ของสิงโตมีเวทีเล็กๆ ใช้จัดกิจกรรมบางโอกาส

  • บรรยากาศเงียบสงบ อยู่ใจกลางเมืองแต่ให้ความรู้สึกโลคอล

  • เป็นศาลเจ้าที่หลายคนมาขอพรเรื่อง "ชัยชนะ" การเรียน และ "การสอบแข่งขัน"


เวลาเปิด-ปิด

  • เปิดทุกวัน 08:00 – 17:00 น.

  • เข้าชมได้ตลอด ไม่มีประตูปิด (แต่โถงหลักเปิดตามเวลาดังกล่าว)


ค่าเข้าชม

  • ฟรี ไม่มีค่าเข้าชม


กิจกรรม & สิ่งที่นิยมทำที่ศาลเจ้า

  1. ขอพรเรื่องการงาน การเรียน และชัยชนะโดยเฉพาะนักเรียน นักกีฬา หรือคนกำลังสอบแข่งขัน

  2. ถ่ายรูปกับหน้าสิงโตยักษ์เป็นหนึ่งในโลเคชันถ่ายภาพที่โดดเด่นที่สุดในโอซาก้า

  3. เขียนเอมะ (แผ่นไม้ขอพร)มีลวดลายหน้าสิงโตให้เลือก น่ารักและเป็นของฝากได้ด้วย

  4. ร่วมเทศกาลประจำปีเช่น เทศกาล Namba Yasaka Taisai จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมกราคม เป็นงานแบบท้องถิ่นที่มีขบวนแห่และการแสดงพื้นบ้าน


วิธีการเดินทาง

  • เดินจาก Namba Station (Nankai Line หรือ Osaka Metro) ประมาณ 6–10 นาที

  • อยู่ในทำเลเงียบสงบ ห่างจากย่านช้อปปิ้งแค่ไม่กี่นาที แต่บรรยากาศต่างกันสิ้นเชิง


เหมาะกับใคร?

  • คนชอบจุดถ่ายรูปไม่เหมือนใคร

  • นักท่องเที่ยวสายชิลที่อยากพักจากความวุ่นวายของโดทงโบริ

  • คนที่อยากขอพรเรื่องเรียน สอบ ธุรกิจ หรือเริ่มต้นใหม่


girl standing in front of Yasaka shrine

crowned people at Namba Yasaka shrine

Namba Yasaka Shrine

wooden sign hanging on the board

Shishiden - the big lion's head

woman pay respect to shrine

little japanese shrine

woman buying fetish

fetish's shop

Namba yasaka shrine

ย่าน Osaka Bay


Osaka Bay คือย่านที่ตั้งอยู่ริมอ่าวฝั่งตะวันตกของเมืองโอซาก้า เป็นพื้นที่ที่พัฒนาเพื่อความบันเทิง การท่องเที่ยว และการพักผ่อน โดยเฉพาะแถบ Sakurajima และ Tempozan ซึ่งมีทั้งสวนสนุกระดับโลก พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ทะเล ห้างใหญ่ และวิวทะเลเมืองให้ชม


ที่เที่ยวเด่นใน Osaka Bay Area


1. Universal Studios Japan (USJ)

  • สวนสนุกระดับโลกของ Universal

  • ไฮไลต์คือโซน Super Nintendo World, The Wizarding World of Harry Potter, โซน Minions และ Jurassic Park

  • เหมาะกับทุกวัย ตั้งแต่ครอบครัว เด็กยันวัยรุ่นสายสนุก

2. Osaka Aquarium Kaiyukan

  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ ติดอันดับต้นๆ ของโลก

  • มีสัตว์ทะเลหายาก เช่น ปลาฉลามวาฬ เพนกวิน แมงกะพรุน และสัตว์จากภูมิภาคแปซิฟิก

  • ตกแต่งแสงสีได้สวยงามมาก โดยเฉพาะรอบกลางคืน

  • ชิงช้าสวรรค์ริมอ่าว สูงกว่า 112.5 เมตร

  • สามารถมองเห็นวิวอ่าวโอซาก้า เมือง และแม้แต่ USJ ได้ในวันที่อากาศแจ่มใส

  • มีทั้งแบบห้องธรรมดา และห้องพื้นใส (transparent gondola)

4. Santa Maria Cruise

  • ล่องเรือชมอ่าวโอซาก้าแบบคลาสสิก สไตล์เรือโบราณ

  • ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เหมาะกับคู่รักหรือคนที่อยากชมวิวทะเลเมืองแบบชิลๆ

  • ศูนย์รวมร้านอาหารท้องถิ่น ร้านของฝาก และสินค้าน่ารักๆ

  • อยู่ติดกับ Kaiyukan และชิงช้าสวรรค์

  • มีโซนอาหารญี่ปุ่นแบบ street food ให้ลองหลายอย่าง


วิธีการเดินทาง


  • สถานีหลัก:

    • Osakako Station (Osaka Metro สาย Chuo Line) → เดินประมาณ 5-10 นาทีถึง Kaiyukan, Ferris Wheel, Marketplace

    • Universal City Station (JR Yumesaki Line) → ลงหน้าทางเข้า USJ

  • ถ้านั่งจาก Namba หรือ Umeda ใช้เวลาประมาณ 25–40 นาที เท่านั้น


จุดเด่นของย่าน Osaka Bay
  • รวมกิจกรรมหลากหลาย ทั้งสวนสนุก สัตว์น้ำ ช้อปปิ้ง และล่องเรือ

  • มีบรรยากาศริมทะเล ชมพระอาทิตย์ตกได้สวยมาก

  • เดินทางสะดวก เหมาะกับการเที่ยวแบบครึ่งวัน–เต็มวัน

  • มีกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งสายลุย สายครอบครัว และสายโรแมนติก


Osaka Kaiyukan Aquarium




Santa Maria




girl standing in front of Santa Maria boat

Santa Maria stopping at the dock

ticket show in front of Santa Maria boat

Top floor of Santa Maria's boat

View from Santa Maria's boat

Tourist standing on the boat

anchor mock up

sitting area outside the boat

Boat's structure layout

girl sitting on the boat with Tempozan ferris wheel view

Osaka bay's view

staff standing in front of Santa Maria

girl standing in front of Santa Maria

ย่าน Kitahama


Kitahama (คิตาฮามะ) เป็นย่านที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Tosabori ในเขต Chuo ของโอซาก้า โดดเด่นด้วยบรรยากาศสงบ เรียบหรู และแฝงกลิ่นอายตะวันตกจากสถาปัตยกรรมแบบเรโทรที่หลงเหลือมาตั้งแต่ยุคเมจิถึงไทโช เป็นย่านที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและความทันสมัยได้อย่างลงตัว


ประวัติของย่าน Kitahama


ในอดีต Kitahama เป็นแหล่งรวมสำนักงานการเงินและธนาคารสำคัญของโอซาก้า (Financial District) โดยเฉพาะช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตแบบก้าวกระโดด อาคารหลายหลังที่ยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ จึงมีดีไซน์แบบยุโรป เช่น อาคารอิฐแดง หินแกะสลัก หลังคาทรงโค้ง ฯลฯ ปัจจุบันถูกรีโนเวทเป็นคาเฟ่ ร้านหนังสือ และแกลเลอรี่มากมาย


จุดเด่นของ Kitahama

  • เสน่ห์สถาปัตยกรรมตะวันตกย้อนยุคเดินเล่นริมแม่น้ำจะเห็นอาคารเรโทรสไตล์ยุโรป เช่น Osaka Securities Exchange Hall, Central Public Hall หรือ Kitahama Retro ที่กลายเป็นร้านน้ำชาสุดคลาสสิก

  • คาเฟ่เก๋มีสไตล์เยอะมากคาเฟ่ดีไซน์เก๋ อย่าง Kitahama Retro, Brooklyn Roasting Company, Nakanoshima Coffee ฯลฯ เป็นแม่เหล็กดึงดูดสายคาเฟ่ฮอปเปอร์ ที่อยากได้บรรยากาศเงียบ สงบ และภาพสวยๆ

  • เดินเล่นริมแม่น้ำริมแม่น้ำ Tosabori มีทางเดินเลียบแม่น้ำที่เงียบสงบ เหมาะกับการถ่ายรูปชิลๆ หรือแวะปิคนิคในวันที่อากาศดี และยังอยู่ใกล้สวนสาธารณะ Nakanoshima ด้วย

  • ร้านหนังสือ & แกลเลอรี่มีย่านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านหนังสือเก่า ร้านอาร์ต และสินค้าคราฟต์จากศิลปินท้องถิ่น เหมาะกับคนที่ชอบงานดีไซน์และความเรียบง่าย


ทำไมต้องมา Kitahama?
  • เป็นมุมสงบของโอซาก้า สำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย

  • เหมาะกับคนที่ชอบงานดีไซน์ คาเฟ่เรโทร และสายคอนเทนต์ที่ชอบมุมเก๋ๆ

  • อยู่ไม่ไกลจากย่าน Namba หรือ Umeda เดินทางง่ายด้วยรถไฟใต้ดินสาย Sakaisuji (ลงสถานี Kitahama)

  • เป็นย่านที่คนญี่ปุ่นชอบมาเดต นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือใช้ชีวิตช้าๆ


*จองขั้นต่ำ 1,500 บาท ส่วนลดสูงสุด 300 บาท









ชอบคอนเท้นแบบนี้ ฝากติดตามผลงานของเราช่องทางอื่นๆ ด้วยนะคะ 🥰

Comments


bottom of page